

Margin คืออะไร? ในตลาดฟอเร็กซ์ มาร์จิ้นคือเงินประกันที่นักเทรดต้องกันไว้เพื่อเปิดและรักษาตำแหน่งที่ใช้เลเวอเรจ ช่วยให้สามารถควบคุมสถานะที่ใหญ่กว่าทุนจริงได้ แม้ว่ามาร์จิ้นไม่ใช่ค่าธรรมเนียม แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อความเสี่ยงและโอกาสทำกำไร บทความนี้จะอธิบายว่า margin คืออะไร, วิธีการคำนวณมาร์จิ้นในฟอเร็กซ์, ความแตกต่างระหว่างมาร์จิ้นเลเวล (Margin Level) และการแจ้งเตือนมาร์จิ้น (Margin Call) รวมถึงเหตุผลที่ความเข้าใจมาร์จิ้นคือกุญแจสำคัญในการบริหารความเสี่ยงของนักเทรดทุกระดับ
ในการเทรดฟอเร็กซ์ มาร์จิ้นคือ จำนวนเงินที่เทรดเดอร์ต้องกันไว้ในบัญชีเพื่อเปิดและรักษาตำแหน่งที่มีเลเวอเรจ มาร์จิ้นไม่ใช่ค่าธรรมเนียม แต่เป็นเงินประกันที่ครอบคลุมความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคา โดยทั่วไปมาร์จิ้นจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของขนาดการเทรดทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น หากใช้เลเวอเรจ 1:100 การเปิดตำแหน่งมูลค่า $100,000 ต้องใช้เงินมาร์จิ้นเพียง $1,000 ทำให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมการเทรดที่มีขนาดใหญ่กว่ายอดเงินในบัญชีจริง แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง
การใช้มาร์จิ้น (Margin) ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดโดยใช้เงินทุนน้อยลงเมื่อเทียบกับขนาดสถานะจริง มาร์จิ้น คือ เครื่องมือที่ช่วยขยายศักยภาพในการเข้าถึงโอกาสในตลาดฟอเร็กซ์อย่างมีประสิทธิภาพ หากใช้อย่างถูกต้อง มาร์จิ้นสามารถให้ประโยชน์หลายด้าน เช่น:
Margin ช่วยให้เทรดเดอร์ควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่กว่าทุนจริง ทำให้สามารถรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนไหวตามคาดการณ์
เมื่อใช้มาร์จิ้นอย่างเหมาะสม เทรดเดอร์สามารถเปิดหลายตำแหน่งพร้อมกันเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสในหลายทิศทางของตลาด
กลยุทธ์ เช่น การเทรดระยะสั้น การ Hedge หรือการทำ Position Trading ต้องอาศัย Margin ทำให้เทรดเดอร์มีตัวเลือกมากขึ้นในการวางแผน
ในตลาดฟอเร็กซ์ การเปลี่ยนแปลงของราคามักเป็นเพียงไม่กี่ Pip มาร์จิ้นช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเหล่านี้ให้เห็นผลมากขึ้น
แม้ว่า Margin คือเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงหากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง การเข้าใจความเสี่ยงช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจทำให้บัญชีเสียหาย
เลเวอเรจและมาร์จิ้นขยายทั้งกำไรและขาดทุน เมื่อราคาเคลื่อนไหวสวนทาง แม้เพียงเล็กน้อย อาจทำให้ Equity ลดลงอย่างรวดเร็ว
หากระดับมาร์จิ้นต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เทรดเดอร์จะถูกแจ้งเตือนให้เพิ่มเงินหรือปิดตำแหน่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบังคับปิดโดยอัตโนมัติ
ตลาดฟอเร็กซ์มีความผันผวนสูง การใช้เลเวอเรจมากเกินควรโดยไม่ตั้ง Stop-Loss อาจทำให้พอร์ตเสียหายอย่างรวดเร็ว
หากไม่ติดตามมาร์จิ้นฟรี (Free Margin) เทรดเดอร์อาจเปิดตำแหน่งมากเกินไปจน Equity ไม่เพียงพอรองรับการเคลื่อนไหวของตลาด

Margin Level คือ ตัวเลขที่แสดงอัตราส่วนระหว่างทุนของเทรดเดอร์ (Equity) และมาร์จิ้นที่ใช้ไป (Used Margin) เป็นเปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าเทรดเดอร์มีเงินทุนสำรองมากพอที่จะรักษาตำแหน่งที่เปิดอยู่หรือไม่
สูตรคำนวณ:
Margin Level = (Equity / Used Margin) × 100
ตัวอย่าง: หากมี Equity $1,000 และใช้มาร์จิ้น $500 → Margin Level = 200%
โบรกเกอร์จะเฝ้าติดตามระดับมาร์จิ้นเสมอ หากระดับนี้ต่ำกว่าเกณฑ์ เช่น 100% เทรดเดอร์อาจถูกจำกัดการเปิดออเดอร์ใหม่หรือถูกแจ้งเตือนก่อนเกิดมาร์จิ้นคอล

มาร์จิ้นคอล (Margin Call) เกิดขึ้นเมื่อ Equity ลดลงต่ำกว่าข้อกำหนดมาร์จิ้นขั้นต่ำ เป็นสัญญาณว่าเงินทุนไม่เพียงพอที่จะรักษาตำแหน่งที่เปิดอยู่ ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากขาดทุนที่สะสม
ระดับมาร์จิ้นในฟอเร็กซ์คำนวณจาก (Equity / Used Margin) * 100 ตัวอย่างเช่น หากเทรดเดอร์มีทุน $1,000 และใช้มาร์จิ้น $500 ระดับมาร์จิ้นจะเท่ากับ 200% มาร์จิ้นคอลคือการแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์ว่า Equity ของเทรดเดอร์ลดลงต่ำกว่าระดับมาร์จิ้นขั้นต่ำ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมูลค่าบัญชีลดลงเนื่องจากขาดทุน
• ปกป้องเงินทุนของเทรดเดอร์
• ลดความเสี่ยงของโบรกเกอร์
• ป้องกันการขาดทุนที่รุนแรงโดยการบังคับให้เติมเงินหรือปิดตำแหน่งบางส่วน
มาร์จิ้นคอลทำหน้าที่เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงเพื่อปกป้องเทรดเดอร์และโบรกเกอร์ มาร์จิ้นคอลช่วยป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติมโดยการบังคับให้เทรดเดอร์เติมเงินหรือปิดตำแหน่ง
• ใช้เลเวอเรจในระดับที่เหมาะสมกับความเสี่ยง
• ตั้งค่า Stop-Loss ทุกครั้ง
• เลือกขนาดตำแหน่งให้สัมพันธ์กับเงินทุน
• ติดตามระดับมาร์จิ้นและ Equity อย่างสม่ำเสมอ
การบริหารความเสี่ยงด้วยการกำหนดขนาดตำแหน่งที่เหมาะสมและใช้คำสั่งหยุดขาดทุน (stop-loss) สามารถลดโอกาสเกิดมาร์จิ้นคอลได้ รวมถึงการเลือกเลเวอเรจที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

มาร์จิ้นฟรี (Free Margin) คือจำนวนเงินทุนที่เหลืออยู่หลังจากหักมาร์จิ้นที่ใช้แล้ว สามารถนำไปเปิดออเดอร์ใหม่ได้
สูตร:
Free Margin = Equity – Used Margin
Used Margin คือเงินที่ถูกกันไว้สำหรับตำแหน่งที่เปิดอยู่ เมื่อปิดตำแหน่ง เงินส่วนนี้จะกลับมาเป็นมาร์จิ้นฟรีอีกครั้ง
เมื่อต้องเปิดหลายออเดอร์พร้อมกัน การรู้จำนวนมาร์จิ้นฟรีและมาร์จิ้นที่ใช้ไปจะช่วยให้เทรดเดอร์บริหารพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การบริหารความเสี่ยง: การเข้าใจว่า margin คืออะไร และการควบคุมเลเวอเรจอย่างเหมาะสมสามารถลดโอกาสการขาดทุนที่รุนแรง
ความยืดหยุ่นในการเทรด: การมี Free Margin เพียงพอช่วยให้สามารถเปิดออเดอร์ใหม่และรับมือกับความผันผวนของตลาดได้
การเสริมสร้างกลยุทธ์: การวางกลยุทธ์โดยคำนึงถึงมาร์จิ้นทำให้เทรดเดอร์พัฒนากลยุทธ์ที่ดียิ่งขึ้นเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดและจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
ใช้เลเวอเรจเกินควร: ใช้เลเวอเรจสูงโดยไม่เข้าใจข้อกำหนดมาร์จิ้นอาจทำให้เกิดการขาดทุนอย่างรวดเร็ว
เพิกเฉยต่อมาร์จิ้นคอล: การไม่ตอบสนองต่อมาร์จิ้นคอลหรือไม่สนใจระดับมาร์จิ้นเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกบังคับปิดสถานะ
ไม่ติดตามมาร์จิ้นฟรี: การติดตามมาร์จิ้นฟรีเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันกำหนดความสามารถของเทรดเดอร์ในการเปิดออเดอร์ใหม่และบริหารจัดการออเดอร์ที่มีอยู่
เปิดหลายออเดอร์: การเปิดหลายออเดอร์จน Equity ลดลงเร็วเกินไป

โดยสรุป การเข้าใจว่ามาร์จิ้นคืออะไรและมีบทบาทอย่างไรในฟอเร็กซ์เป็นหัวใจสำคัญของการเทรดที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การคำนวณมาร์จิ้นไปจนถึงการจัดการมาร์จิ้นคอลและระดับมาร์จิ้น เทรดเดอร์ที่เข้าใจระบบนี้จะสามารถเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงได้อย่างมาก
ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ การเรียนรู้การทำงานของมาร์จิ้นในฟอเร็กซ์จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นในทุกสถานการณ์ตลาด
สำหรับคำแนะนำเชิงลึก เครื่องมือ และกลยุทธ์ในการเทรดฟอเร็กซ์ TMGM มีแหล่งความรู้ และแพลตฟอร์มที่ช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากมาร์จิ้นได้อย่างเต็มที่ เยี่ยมชม TMGM และพัฒนาทักษะการเทรดของคุณวันนี้





